ประวัติความเป็นมาของการพัฒนาโครเมียมคอรันดัม

ในปี 1877 Fremi นักเคมีชาวฝรั่งเศสใช้ผงอลูมินาบริสุทธิ์ โพแทสเซียมคาร์บอเนต แบเรียมฟลูออไรด์ และโพแทสเซียมไบโครเมตจำนวนเล็กน้อยเป็นวัตถุดิบหลังจากการหลอมที่อุณหภูมิสูงในเบ้าหลอมเป็นเวลา 8 วัน ก็ได้ผลึกทับทิมขนาดเล็ก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทับทิมเทียม
ในปี 1900 นักวิทยาศาสตร์ใช้อะลูมิเนียมออกไซด์หลังจากละลายโครเมียมออกไซด์ Cr2O3 จำนวนเล็กน้อยตามอัตราส่วนน้ำหนัก 0 ด้วยวิธีการเติม 7% จะได้ทับทิม 2g~ 4gปัจจุบันสามารถผลิตทับทิมและแซฟไฟร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 10 กรัมได้
ในปี พ.ศ. 2428 ทับทิมเทียมคุณภาพสูงจำนวนหนึ่งปรากฏในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์กล่าวกันว่ามีเศษทับทิมธรรมชาติ รวมถึงโพแทสเซียมไดโครเมตสีแดงและการหลอมที่อุณหภูมิสูงอื่นๆ ที่เกิดขึ้น และธรรมชาติของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่างไรก็ตาม Verneuil นักเคมีชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ทำอัญมณีและนำไปผลิตในวงกว้าง
ในปี พ.ศ. 2434 Verneuer ได้คิดค้นกระบวนการหลอมเปลวไฟและใช้มันเพื่อสร้างอัญมณีเทียมหลังจากประสบความสำเร็จ เขาได้ทดลองกับอลูมินาบริสุทธิ์การทดสอบดำเนินการในเตาเผาแบบเผาที่มีอุณหภูมิสูงซึ่งมีท่อเป่าไฮโดรเจนและออกซิเจนแบบกลับด้านผงละเอียดของอลูมินาบริสุทธิ์ที่มีโครเมียมออกไซด์จำนวนเล็กน้อยถูกค่อยๆ หยดลงในเปลวไฟและละลาย แล้วหยดลงบนฐานเพื่อควบแน่นและตกผลึกหลังจากทำงานหนักมาสิบปี
ทับทิมเทียมผลิตโดย Vernayet ในปี 1904 และตั้งแต่นั้นมา การหลอมด้วยเปลวไฟก็ได้รับการปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบเพื่อผลิตทับทิมที่แทบจะแยกไม่ออกจากทับทิมธรรมชาติวิธีนี้ใช้มาจนถึงยุคปัจจุบันและยังคงเป็นวิธีหลักในการผลิตอัญมณีเทียมในโลกที่เรียกว่า “วิธีเวอร์เนย”ขณะนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการผลิตหินดิบทับทิมมากกว่า 100 กะรัต คริสตัลคอรันดัมเทียมที่มีลักษณะเป็นรูปลูกแพร์หรือรูปทรงแครอท เนื้อสัมผัสที่บริสุทธิ์ ความโปร่งใสของสีมากกว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และคุณประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลกระบวนการ Verneuil สมัยใหม่ไม่เพียงแต่ผลิตทับทิมตั้งแต่สีชมพูอ่อนไปจนถึงสีแดงเข้มเท่านั้น แต่ยังผลิตแซฟไฟร์หลากสี หรือแม้แต่ทับทิมและแซฟไฟร์ที่มีแสงดาวอีกด้วยมันเป็นปาฏิหาริย์


เวลาโพสต์: 11 เมษายน-2023